วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

สตูดิโอต้นศิลป์

สตูดิโอต้นศิลป์



สตูของสถาปนิกผู้มีพลังและน่าค้นหา พี่โหน่งเจ้าของสตูดิโอต้นศิลป์ได้ออกแบบบ้านตัวเองที่อยากได้โดยมีกลิ่นจากบ้านที่เคยเห็น เคยอยู่ในสมัยเด็กมาปรับใช้ในการออกแบบ พี่โหน่งได้กล่าวถึงสถาปัตยกรรมที่นำคนเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ที่มี2แบบคือ เนื้อหา กับพลัง
โดย 
เนื้อหา คือการตีความหมายที่มาที่ไปของเรื่องราว 
พลัง คือการตีความหมายจากการเล่าผ่านวัสดุ การถอดรหัสสถาปัตยกรรม 
อย่างไรก็ตามพี่โหน่งได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเทามาก เนื่องจากเป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับงานในสภาพภูมิอากาศเขตร้อนชื้นเท่านั้นที่ทำได้ โดยอธิบายพื้นที่สีเทานี้ว่าเป็นพื้นที่ ระหว่าง หรือพื้นที่เชื่อมต่อจากด้านในกับด้านนอก 
การใช้สัญลักษณ์ในงานสถาปัตยกรรม เพื่อบ่งบอกการรับรู้ความงามของสถาปัตยกรรม 
การใช้ภาษาในการเล่าเรื่องราวเช่น ผ่านจังหวะเสา หรือการเปลี่ยนวัสดุ









MLC

MLC (Mahidol Learning Center)

ศูนย์การเรียนรู้และนันทนาการสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล โดยตึก MLC ถูกออกแบบให้เป็นทั้งพื้นที่การเรียนรู้ของนักศึกษา รองรับการทำกิจกรรมต่างๆ มีห้องชมรมของนักศึกษาให้ใช้แล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่เก็บเรื่องราวความเป็น ทั้งประวัติ บุคคลสำคัญของมหาวิทยาลัยมหิดลไว้ ทั้งยังมีการใส่เนื้อหา ความสำคัญเชิงสัญลักษณ์เช่น ดอกกันภัย หรือรูปปั้น 
 
การเข้าถึงของอาคารที่มีแนวแกนหนึ่งจากด้านข้างซึ่งมาจากหอพักนักศึกษาที่ใช้เดินทางสัญจรผ่านไปมาถึงอาคารเรียนแล้ว ยังมีอีกแนวแกนหนึ่งซึ่งไว้บอกเล่าเรื่องราวซึ่งเราจะมองเห็นรูปปั้นและอาคารมหิดลสิทธาคาร ซึ่งในระหว่างการเดินก็มีอีกหลายเนื้อหาที่ถูกบอกเล่า



อาคารที่เป็นพื้นที่vertical spaceจะใช้หลังคาแบบโปร่งแสง เพื่อให้สามารถใช้ความสว่างของแสงแดดที่ส่องลงมาโดยไม่ร้อนจนเกินไปเมื่อกระทบกับพื้นหรือคนใช้พื้นที่ 
การเข้าถึงลำดับที่จะถูกซึมซับผ่านการเดินโดยการเปลี่ยนเช่นการใช้ขั้นบันได้ การเปลี่ยนวัสดุถูกใช้กับที่นี่เพื่อเป็นทั้งความสวยงามและแสดงถึงจุดเปลี่ยนลำดับการเข้าถึงที่ทรงพลังมาก




ครุสติสถาน

  ครุสติสถาน 

สถานที่อบรมปฎิบัติธรรม ซึ่งออกแบบโดยอาจารย์คุ้งและพี่แอนโดยพื้นที่นั้นมีข้อจำกัดทางสภาพแวดล้อมค่อนข้างมาก เช่น เสียงที่รบกวนจากถนนหรือเรือยนต์ที่วิ่งในคลองและมลภาวะด้านอื่นๆ

ทางเข้า 
มีการแบ่งพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วนทั้งการแยกพื้นที่ที่ใช้เสียงเยอะและการทำพื้นที่แบ่งให้เกิดความเป็นส่วนตัวและสงบ ทั้งจากการควบคุมการมอง การเข้าถึง ความเป็นเขตแดน สัดส่วนเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน





บ้านพี่ปาล์ม

บ้านพี่ปาล์ม

บ้านที่หันหน้าเข้าหาคลอง รับบรรยากาศของความเป็นบ้านนอกมากกว่าในเมือง พี่ปาล์ม เจ้าของบ้านและผู้ออกแบบบ้านหลังนี้ เป็นหนึ่งในสถาปนิกในสตูดิโอออกแบบของอาศรมศิลป์ โดยบ้านขนาด 2 ชั้น
ที่การเข้าดูลื่นไหลมาก เนื่องจากการที่ไม่ค่อยมีผนังกั้น

         ขนาดสเกลความสูงของตัวที่พักไม่ได้สูงเท่าบ้านอาจารย์ย้ง แต่บ้านพี่ปาล์มได้ยกส่วนใช้สอยหลักทั้งหมดขึ้นไปอยู่ชั้นบน แล้วชั้นล่างกลายเป็นพ.ท.จอดรถกับห้องพักผ่อน(เก็บเสียงไว้สำหรับเล่นดนตรี) 







มีโครงสร้างเสาปูนซึ่งใช้เสากลมและใช้โครงสร้างพื้นเป็นเหล็ก


หลังคาไม้ซีดาร์ที่ถูกแก้ปัญหาด้วยการปู2ชั้น เพื่อกันการรั่วซึม

ชั้นแรกมีฟังก์ชั่นภายในอาคารไม่มากนักนั่นคือเป็น โซนที่ใช้ทำกิจกรรมส่วนตัวของพี่ปาล์ม เช่น เล่นดนตรี อ่านหนังสือ ร้องคาราโอเกะ
โซนนั่งเล่นชั้น1

ทางเข้า



มุมมองของอาคารหันหน้าเข้าสู่คลอง และพื้นที่แรกหลังจากที่เข้าประตูคือชานกว้าง
มุมมองจากพื้นที่ชั้นลอย มองลงไปที่พื้นที่ส่วนกลาง

พื้นที่ชั้นลอย

มุมมองจากพื้นที่ส่วนกลาง มองลงไปที่พื้นที่ชั้นลอย

พื้นที่ห้องน้ำกลางแจ้ง